ใบสมัครสินเชื่อบุคคล เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินหรือไม่ |
---|
ในบางครั้งท่านได้กู้ยืมเงินจากบุคคลอื่นบ้าง จากธนาคารบ้าง ซึ่งจะต้องกระทำต่อหน้าพนักงานของธนาคารหรือต่อหน้าเจ้าหนี้ แต่ในกรณีมีใบสมัครสินเชื่อบุคคลไปยังที่บ้านของท่าน ต่อมาท่านได้สมัครสินเชื่อบุคคลนั้น แล้วส่งไปยังสำนักงานใหญ่ของธนาคาร เมื่อธนาคารอนุมัติตามใบสมัครสินเชื่อบุคคลนั้นแล้ว ธนาคารได้โอนเงินตามวงเงินที่ท่านได้สมัครสินเชื่อนั้นๆ โดยไม่ได้จัดทำสัญญากู้ยืมเงินหรือสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีต่อกันเอาไว้ เพราะหากว่า ธนาคารไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินมาแสดงต่อศาลแล้ว ศาลต้องยกฟ้อง เนื่องจากธนาคารไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินมายืนยัน ศาลไม่อาจพิจารณาให้จำเลยชำระเงินให้แก่ผู้ให้กู้ได้ ในกรณีเช่นนี้มีประเด็นว่า ท่านได้ทำสัญญากู้ยืมเงินหรือหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินกับธนาคารแล้วหรือไม่
คำตอบคือ เมื่อท่านได้กรอกข้อความในใบสมัครสินเชื่อนั้นแล้ว ส่งไปยังธนาคารและธนาคารได้ส่งมอบเงินตามจำนวนในใบสมัครสินเชื่อดังกล่าวแล้ว ถือว่าเป็นการส่งมอบเงินที่ได้กู้ยืมเงินกันแล้ว และผลทำให้ใบสมัครสินเชื่อนั้นๆ เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินระหว่างท่านกับธนาคารได้ จึงสรุปว่า ใบสมัครสินเชื่อบุคคลเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11489/2554 |
หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือตามมาตรา 653 วรรคหนึ่ง แห่ง ป.พ.พ. ไม่ใช่แบบแห่งนิติกรรม ทั้งกฎหมายไม่ได้บัญญัติว่าหลักฐานดังกล่าวจะต้องมีขึ้นเฉพาะในขณะที่ทำสัญญากู้ยืม ดังนั้น หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือจึงอาจมีขึ้นก่อนหรือหลังทำสัญญากู้ยืมก็ได้ เมื่อได้ความว่าหลังจากจำเลยกรอกข้อความในแบบพิมพ์ใบสมัครสินเชื่อบุคคลขอกู้ยืมเงินโจทก์วงเงิน 35,000 บาท ตามเงื่อนไขและข้อตกลงในแบบพิมพ์ดังกล่าวและยื่นต่อโจทก์อันเป็นการทำคำเสนอขอกู้ยืมเงินโจทก์ และวันต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่าตกลงให้จำเลยกู้ยืมเงิน 24,700 บาท ซึ่งอยู่ภายในวงเงินที่จำเลยขอกู้ยืม จึงเป็นคำสนองรับตามคำเสนอของจำเลย สัญญากู้ยืมระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเกิดขึ้นและบริบูรณ์ เมื่อโจทก์ส่งมอบเงินที่กู้ยืม โดยโอนเงิน 23,630 บาท เข้าบัญชีที่จำเลยระบุไว้ ดังนี้ ใบสมัครสินเชื่อบุคคลที่จำเลยกรอกข้อความและลงลายชื่อในช่องลายมือของผู้กู้ จึงเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมตามมาตรา 653 วรรคแรก ที่โจทก์ใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องให้บังคับจำเลยตามสัญญากู้ยืมได้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 23,906.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และค่าธรรมเนียมอัตราร้อยละ 10 ต่อปี ของต้นเงิน 19,041.81 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ |